โรคพยาธิในสุนัขและแมวสามารถติดต่อถึงคนได้หลายชนิด บางชนิดก่อความรุนแรงถึงขันเสียชีวิตได้

1. พยาธิตัวกลม Ascariasis

เป็นพยาธิที่สำคัญมากในลูกสุนัข และ แมว รูปร่างคล้ายไส้เดือน ตัวกลม ความยาวประมาณ10ซม. สุนัขโตมีภูมิต้านทานต่อพยาธิ และขับพยาธิออกมาได้ สามารถพบพยาธิตัวอ่อนแทรกตามเนื้อเยื่อของร่างกายแม่สุนัข เมื่อลูกอ่อนดูดนมไปติดพยาธิจากแม่ และตัวอ่อนจะเจริญเป็นพยาธิตัวแก่ในทางเดินอาหาร ระยะเวลาที่ลูกสัตว์ได้รับตัวอ่อนพยาธิจนเติบโตเต็มวัย ตรวจพบไข่พยาธิในอุจจาระของสัตว์ใช้เวลาประมาณ 4-5 สัปดาห์

การติดต่อถึงคน

- การรับประทานอาหารที่มีตัวอ่อนพยาธิปนเปื้อน

- เล่นกับสัตว์เลี้ยงในสนามที่มีมูลถ่ายอยู่ จะมีโอกาสได้รับไข่พยาธิ

- อุ้มลูกสุนัขเล่น ไข่พยาธิจะติดมือผู้อุ้ม

- การหยิบอาหารรับประทาน โดยไม่ล้างมือให้สะอาดจะติดพยาธิโดยบังเอิญ

อาการในคนที่ติดพยาธิ

เมื่อไข่พยาธิแตกเป็นตัวอ่อนเคลื่อนที่แทรกไปตามอวัยวะภายใน

- ทำให้เกิดการอักเสบตามอวัยวะต่างๆ

- เกิดโรคภูมิแพ้ที่ผิวหนัง

- การเคลื่อนที่ของตัวอ่อนพยาธิตัวกลมไปที่ตาอาจทำให้ตาบอดได้

การจัดการพยาธิตัวกลม

- ควรถ่ายพยาธิเมื่อลูกสุนัขอายุครบ2-3สัปดาห์ ถ่ายพยาธิซ้ำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

- สุนัขตั้งท้องควรถ่ายพยาธิเช่นเดียวกันได้แก่ ก่อนการผสมพันธุ์ ระหว่างตั้งท้อง และหลังคลอดลูก

- สุนัขโตควรถ่ายพยาธิ ทุกๆ 3 เดือน

2. พยาธิปากขอ Ancylostomiasis

เป็นพยาธิที่มีลักษณะพิเศษ คือ จะมีฟันแหลมคมคล้ายตะขอฝังลงในผนังเยื่อบุลำไส้ ดูดเลือดสุนัขจะทำให้สุนัขโลหิตจางอย่างรุนแรงจนตายได้

การติดต่อถึงคน

ไข่ของพยาธิปากขอจะปนมากับอุจาระของสุนัขที่เป็นโรค ฟักออกเป็นตัวอ่อนในพื้นที่และในดิน ตัวอ่อนของพยาธิจะชอนไชผ่านผิวหนังของคนเข้ามาในร่างกายโดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบใส่รองเท้าเดิน บริเวณสนาม หรือ พื้นที่มีมูลสุนัขอยู่ มีรายงานในเด็กที่มีอาการคันเท้า เนื่องจากกรเคลื่อนที่ของตัวอ่อนพยาธิปากขอ

- ในสัตว์ก็เช่นเดียวกัน พยาธิจะชอนไชตามบริเวณซอกนิ้ว โดยเฉพาะบริเวณที่มีความชื้นสูงและอากาสอบอุ่น เหมาะที่จะทำให้ไข่พยาธิฟักตัวเป็นตัวอ่อน และไชเข้าสู่ร่างกายของสัตว์

การจัดการพยาธิปากขอ

- นำลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจไข่พยาธิปากขอและขอคำแนะนำการถ่ายพยาธิ

- ควรฝึกให้เด็กใส่รองเท้าทุกครั้ง ที่วิ่งเล่นบริเวณสนามหรือตามพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ไม่ควรเดินเท้าเปล่า

3. พยาธิตืดเม็ดแตงกวา Dipylidiasis

พยาธิตืดเม็ดแตงกวาในสุนัขและแมว ติดต่อโดยสุนัขและแมว จะกินหมัด ซึ่งเป็นตัวนำพยาธิ พยาธิมีลักษณะเป็นปล้องๆต่อกันยาว ปล้องที่แก่จะหลุดออกมาเป็นสีขาวคล้ายเม็ดแตงกวา ถ้ามีพยาธิจำนวนมากปล้องพยาธิจะปนออกมากับอุจจาระของสุนัข

การติดต่อถึงคน

- โดยเฉพาะกับเด็กที่ชอบจับหมัดมาบี้ให้แตก ตัวอ่อนของพยาธิอาจติดมือเด็ก เมื่อเด็กหยิบอาหารรับประทานโดยไม่ได้ล้างมือก่อน จะทำให้เด็กติดพยาธิได้

อาการในคนที่ติดพยาธิ

ผอม สุขภาพทรุดโทรมทั้งๆ ที่ยังรับประทานอาหารได้ดีถ้ามีพยาธิจำนวนมากจะมีอาการโลหิตจางร่วมด้วย

เด็กๆเสี่ยงต่อการติดพยาธิจากสัตว์เลี้ยง

การสำรวจพบว่า37% ของกุมารแพทย์ในสหรัฐอเมริกาพบว่า ทุกๆปี จะพบเด็กอย่างน้อย1คนที่ติดพยาธิโดยมีพาหนะจากสัตว์เลี้ยง

การจัดการพยาธิตืดเม็ดแตงกวา

ควรถ่ายพยาธิโดยใช้ยาที่มีประสิทธิภาพ ทุกๆ3เดือน

- ควรทำความสะอาดบริเวณบ้าน ที่รองนอนของสัตว์เลี้ยงโดยตากแดดอย่างสม่ำเสมอ

- ควรใช้ยาควบคุมและกำจัด หมัดในสัตว์เลี้ยงตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

ถ่ายพยาธิทุกๆสามเดือนปกป้องสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก

ทราบหรือไม่  การถ่ายพยาธิเพียงปีละครั้ง ไม่เพียงพอต่อการตัดวงจรชีวิตของพยาธิ

สุนัขที่ติดพยาธิ อาจไม่แสดงอาการป่วยใดๆ และอาจเป็นพาหนะที่นำพยาธิมาสู่คนได้

- สุนัขที่เป็นพยาธิ มักมีพยาธิมากกว่า1ชนิด

- พยาธิไส้เดือนวางไข่มากถึงวันละ100,000 ฟองและไข่พยาธิสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายเดือน-ปี

อันตรายจากพยาธิ สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้

ปกป้องสัตว์เลี้ยงที่คุณรักโดย

            -ถ่ายพยาธิ ทุกๆ 3 เดือน

            -ใช้ยาถ่ายพยาธิที่ออกฤทธิ์ในการกำจัดพยาธิทุกระยะทั้งตัวอ่อน ตัวแก่ และไข่พยาธิ

พยาธิภายใน วายร้ายจากภายใน

รู้จักพยาธิในทางเดินอาหาร

พยาธิทางเดินอาหารนั้นมีหลายชนิด ได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิแส้ม้า พยาธิปากขอ พยาธิตัวตืด

ในสุนัข

- เป็นปัญหาที่พบได้เป็นประจำ ทุกเพศทุกวัย โดยสุนัขเลี้ยงปล่อยและเลี้ยงอยู่นอกบ้านจะมีความเสี่ยงมากกว่าสุนัขเลี้ยงภายในบ้าน

- มักก่อปัญหาสุขภาพแก่ลูกสุนัข เนื่องจากภูมิคุมกันยังไม่ดี ทำให้เจริญเติบโตช้าหรือหยุดชะงัก     ขนหยาบไม่เงางาม ผอม ขาดพลังงาน ไม่สดใสร่าเริง มีอาการท้องเสียร่วมด้วย หากเป็นอาการรุนแรงอาจเห็นว่าท้องวาง และทำให้เลือดจางได้

ในแมว

- หากไม่มีก่อปัญหาทางสุขภาพให้ชัดเจนจะสังเกตได้ยาก

- เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น หรือเจ้าปริสิตวายร้ายมีจำนวนมากขึ้น ก็จะสร้างปัญหายุ่งเหยิงกับเจ้าเหมียว ไม่เพียงแต่ก่อความรำคาญยังส่งผลกับสุขภาพผิวหนังและร่างกายโดยตรง รวมทั้งอาจเป็นพาหนะนำโรคร้ายมาสู่เจ้าเหมียวแสนรักของเรา ซึ่งบางชนิดก็อาจจะติดติ่มาสู่คนเราได้อีกด้วย เช่น พยาธิปากขอ เป็นต้น